เดี๋ยวนี้ไปที่ไหน ๆ ก็เห็นทุเรียนรอบด้านเต็มไปหมด ใช่ไหมคะ
ทั้งทุเรียนสด ๆ ทุเรียนทอด ทุเรียนอบกรอบ ไอศกรีมทุเรียน
ชาทุเรียน ทุเรียนอบแห้ง และอื่น ๆ อีกเต็มไปหมด
แล้วแบบนี้จะอดใจไหวกันได้ยังไง
อยากกินก็อยากกิน แต่ก็ถูกห้าม คนรอบข้างก็เตือนกันจัง ว่าอย่าไปกินมั่งล่ะ อันตรายมั่งล่ะ
แต่ว่า มันจะจริงไหม แล้วถ้าจริง เป็นเพราะอะไรกันล่ะ ??
วันนี้อายจะมาตอบให้ค่ะ ผู้ป่วยและญาติหลาย ๆ คน จะได้เข้าใจมากขึ้นอย่างแน่นอน ^_^
แต่ก่อนจะไปดูกันต่อ ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์กับตัวคุณ
หรือกับเพื่อน ๆ ของคุณ ช่วยแชร์กันไปได้เลยนะคะ อายจะขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ 🙂
เกริ่นคร่าว ๆ นะคะ ว่า ทุเรียน ได้ขื่อว่า เป็นราชาผลไม้ ที่ทั้งลูก (เนื้อ+เปลือก) มีสารอาหารที่สูงมาก
(ถ้าเป็นวัตถุดิบ คงเทียบเท่า Super food กันเลยทีเดียว) โดยในเนื้อของทุเรียน
จะมีสารประกอบซัลเฟอร์หรือกำมะถัน เช่น thiols, thioethers, ester และ sulphides
ที่ทำให้ทุเรียนมีกลิ่นเฉพาะตัวแรง ..นึกกลิ่นกันออกใช่ไหมคะ 5555
ตัวอย่าง พันธุ์ทุเรียนยอดฮิต และจำนวนกรัม ที่แนะนำ สำหรับ 1 หน่วยบริโภค
- ทุเรียนก้านยาว 50 กรัม
- ทุเรียนกระดุม 58 กรัม
- ทุเรียนชะนี 58 กรัม
- ทุเรียนพวงมณี 55 กรัม
- ทุเรียนหมอนทอง 50 กรัม
คุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ๆ ของทุเรียน น้ำหนัก 100 กรัม
- พลังงาน 174 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 27.09 กรัม
- ไขมัน 5.33 กรัม
- โปรตีน 1.47 กรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม
- ธาตุโพแทสเซียม 436-680 มิลลิกรัม (แล้วแต่พันธุ์ทุเรียน)
- ธาตุโซเดียม 2 มิลลิกรัม
ถึงแม้ทุเรียนจะมีสารอาหารสูง ซึ่งสำหรับคนที่เป็นโรคไตแล้ว ถือว่าอันตรายอยู่เหมือนกัน
เพราะทั้งพลังงานสูง น้ำตาลสูง ไขมันสูง โพแทสเซียมสูง
มีเคสนึงเคยมาเล่าให้อายฟังเหมือนค่ะ ว่าผู้ป่วยกินทุเรียนแล้ว
หลับไปเลย ไม่ตื่นอีก.. เพราะหัวใจหยุดเต้นไปเลยจากโพแทสเซียมที่สูง
คือ กินเข้าไปในปริมาณเยอะเลยค่ะ (อันนี้คนที่ญาติมาเล่าให้ฟังนะคะ)
นี่ก็เป็นกรณีศึกษาค่ะ ว่า เราต้องระวังเรื่องการกินให้มากกว่าคนปกติทั่วไป
แต่สำหรับบางคน ถ้าดูผลเลือดแล้วโพแทสเซียมต่ำ ไขมันอยู่ในระดับที่ดี อายุยังน้อย ๆ
ไม่มีปัญหาเบาหวาน ไขมัน หัวใจ ความดันโลหิตสูง
ก็อาจจะทานได้มากกว่าผู้ป่วยคนอื่นหน่อย
ซึ่งอันนี้แต่ละคนคงต้องพิจารณาเคสตัวเองแล้วล่ะค่ะ ^_^
ผลไม้ที่เรียกได้ว่าโปแทสเซียมสูง คือ ผลไม้ที่มีค่าตั้งแต่ 201 – 450 มิลลิกรัม
ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วทุเรียน 100 กรัม (หรือ 1-2 พูเล็ก)
จะมีโพแทสเซียมระหว่าง 400-680 มิลลิกรัม (แล้วแต่พันธุ์)
และใน 1 วันเราควรได้รับโพแทสเซียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม
แค่ทุเรียน 1 พูก็ ประมาณ 25% ของวันแล้ว
เพราะฉะนั้น อายแนะนำว่า
ถ้าอยากกินมากจริง ๆ นะคะ ขอแค่ “ระดับชิมก็พอ” เพราะว่า ถ้าโพแทสเซียมสูงขึ้นมา
จะส่งผลต่อหัวใจโดยตรงเลยค่ะ **แต่ถ้าไม่อยาก หรืออดใจไหว ก็หันไปทานอย่างอื่นดีกว่าค่ะ
บางทีกินนิดเดียวก็อาจแสดงอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกได้เลย
(แต่ละคนอาการเกิดช้าเร็วต่างกัน ขึ้นกับผลเลือดและความแข็งแรงของร่างกายค่ะ)
สรุปแล้ว ถึงทุเรียน จะเป็นผลไม้ที่คุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และมีสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย
แต่สำหรับคนที่เป็นโรคไต อายก็ยังแนะนำว่าควรระวัง “ชิมแค่นิด ๆ หน่อย ๆ พอค่ะ เพื่อความปลอดภัย”
โอเคไหมคะ เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ ^__^
เชื่อว่า หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้
คงสบายใจขึ้นแล้ว ว่า จริง ๆ ก็กินทุเรียนได้ เพียงแต่กินได้ในปริมาณที่น้อยมาก ๆ และไม่ควรกินบ่อยด้วย
ทางที่ดี ไปกินผลไม้ที่เหลืออีกเป็นพันชนิด ที่เหมาะโรคที่เราาเป็นดีที่สุดเลยค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ เหตุผลว่า ทำไมเป็นโรคไต ถึงห้ามกินทุเรียน ?
สุดท้ายนี้ อายอยากจะฝากไว้ว่า “จริง ๆ แล้วผู้ป่วยโรคไต
สามารถกินอาหารได้เกือบทุกอย่างล่ะค่ะ เพียงแต่จะจำกัดเรื่อง ปริมาณที่กิน
และปรับเปลี่ยนการกินให้สอดคล้องกับผลเลือดของเรา เน้นย้ำว่า ของเรา นะคะ
อย่ามองว่า คนอื่นทำไมกินได้ เรากินไม่ได้ แบบนี้จะเป็นทุกข์มาก ๆ เลยค่ะ”
ขอให้ทุกคนมีความสุขและแข็งแรง ๆ กันถ้วนหน้า นะคะ
อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้คนที่คุณรักกันด้วยนะค๊าา ขอบคุณมากค่ะ ^^
ข้อมูลอ้างอิง :
งานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ผลไม้ไทย ผศ. ดร. รัชนี คงคาฉุยฉาย และคณะ
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th
https://medthai.com
http://www.rtamedj.pmk.ac.th